iOS 6 มีอะไรปรับปรุงมีอะไรใหม่ มาอ่านกัน
เปิดให้ดาวน์โหลดกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ iOS 6 ที่แอปเปิ้ลใส่ความสามารถใหม่เข้ามาเพียบ ลองมาไล่เรียงกันดูว่า iOS 6 มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง สำหรับ iOS 6 ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงจาก iOS 5 พอสมควรหลายอย่างเป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 6 ก็ถือว่ามีเยอะพอสมควร ลองไล่เรียงกันเป็นอย่าง ๆ ไปก็แล้วกัน
ระบบโดยรวม – Settings ต่างๆ
หน้าตาในส่วน Settings มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างและมีการปรับปรุงนำเมนู Bluetooth ที่เคยซ้อนอยู่หลายชั้นกว่าจะเข้าไปกดได้ก็นำออกมาไว้ในหน้าแรกของ Settings เลย นอกจากนี้ก็มีการเพิ่มเมนูใหม่เข้ามาคือ Do Not Disturb และ Privacy
Do Not Disturb เป็นการตั้งค่าช่วงเวลาที่จะทำให้อุปกรณ์ของเราไม่ส่งเสียงรบกวนโดยไม่จำเป็นต้องหยิบเครื่องขึ้นมาปรับ iPhone เข้าไปเป็น Silent Mode แต่อย่างใด การเปิดใช้งาน Do Not Disturb เช่นในช่วงเวลา 23.00 – 07.00 น. เวลามีข้อความหรือการเตือนจากแอพฯก็ยังเข้ามาที่เครื่องเราปกติ แต่จะไม่มีเสียงมากวน ส่วนใครที่กลัวว่าตั้งค่าเปิดใช้ Do Not Disturb แบบนี้โทรศัพท์เข้ามาก็ไม่ดังด้วยซิ ก็ใช่ครับ แต่ในเมนูของ Do Not Disturb จะมีให้ตั้งค่าเพิ่มเติมว่าถ้าเป็นโทรศัพท์จากไหนถึงจะให้เป็นสายโทรศัพท์ที่มีเสียงดังขึ้นมาได้บ้าง เช่นจาก Favorite, จากลุ่มแยกย่อยในหมายเลขโทรศัพท์ของเรา หรือถ้าไม่รู้ว่าเบอร์ไหนจะโทรมาด่วนแค่ไหนก็ยังสามารถตั้งค่าให้ทุกสายที่โทรเข้ามาส่งเสียงได้เหมือนเดิม

Privacy สำหรับฟีเจอร์นี้จะเป็นการอนุญาตให้แอพฯต่าง ๆ สามารถเข้าถึงในเครื่องได้หรือไม่ เช่นหลายแอพฯจะต้องมีการเข้าถึงรูปภาพใน Photo Library เมื่อเปิดแอพฯนั้น ๆ เป็นครั้งแรกบน iOS 6 ก็จะมีการถามว่าคุณจะอนุญาตให้แอพฯนี้เข้าถึง Photo Library หรือไม่ เป็นต้น ซึ่ง Privacy ก็จะช่วยป้องกันการเข้าถึง Contacts, Photo Library, Calendars, Reminders จากแอพฯต่าง ๆ ที่ก่อนหน้านี้จะเข้าได้ถึงได้อัตมัติ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเราต้องเป็นคนกดอนุญาตก่อนแอพฯเหล่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปรู้ข้อมูลเราได้
FaceTime ผ่าน 3G
ถือเป็นเรื่องที่รอลุ้นกันมาตั้งแต่ตอน iOS 5 ที่ตอนนั้นก็นึกว่าแอปเปิ้ลจะเปิด แต่สุดท้ายก็ต้องรอกันมาถึง iOS 6 โดยการใช้งาน FaceTime ผ่าน 3G ในไทย เท่าที่ได้ทดลองขอความเร็วอินเตอร์เน็ตสัก 1.5Mbps/512Kbps ก็พอใช้งานได้แล้ว แต่ความคมชัดอาจจะไม่เยอะมากนัก แต่ถ้า 3G ในขณะที่เราใช้งานเร็วขึ้นมาอีกภาพที่ได้ก็จะชัดมากขึ้น แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเร็วอินเตอร์เน็ตของคู่สนทนาด้วย
โดยการใช้งาน FaceTime ผ่าน 3G เวลาประมาณ 1 นาทีจะมีการรับส่งข้อมูลราว ๆ 3MB
UI ในส่วนของโทรศัพท์ แก้ไขเรื่องเบอร์โทรขึ้นต้น 09x
ในส่วนของ Phone มีการปรับปรุงเรื่องสีสันใหม่จากเดิมที่จะเป็นโทนสีดำน้ำเงินเข้มใน iOS 6 ได้เปลี่ยนมาเป็นโทนขาวฟ้าแทน ส่วนเบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย 09x ที่ก่อนหน้านี้ใน iOS 5 จะติดกันเป็นพืดเวลากดเบอร์โทรกลุ่มนี้ พอมาใน iOS ได้แก้ไขให้ตัวเลขเป็น 09x-xxx-xxxx แล้ว ซึ่งก็ช่วยเรื่องว่าตอนกดเบอร์แล้วจะได้ไม่งงเพราะตัวเลขติดกันเป็นพืดอีกต่อไป
ซ้าย : iOS 5.1.1 / ขวา : iOS 6.0
รวมระบบเข้ากับ FaceBook รายชื่อ, ปฏิทิน
iOS 6 ได้เพิ่มความสามารถรวมระบบเข้ากับ Facebook โดยสิ่งที่สามารถเชื่อมกันได้คือ ปฏิทิน, เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งเมื่อทำการเชื่อมกันก็จะมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่าง ๆ ในเครื่องเรา (ตรงนี้ให้ระวังกันด้วยนะครับถ้าจะเปิดใช้งาน) นอกจากนั้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Facebook คือสามารถโพสข้อความ Status ของเราได้จากแถบ Notification ในเครื่องได้เลยโดยไม่ต้องเข้าไปในแอพฯ Facebook
เพิ่มการถ่ายภาพแบบพาโนรามา (เฉพาะ iPhone 4S)
iOS 6 ได้เพิ่มความสามารถเกี่ยวกับการถ่ายรูปแบบพาโนรามาให้กับ iPhone 4S
แผนที่เปลี่ยนใหม่
ระบบแผนที่ใน iOS 6 แอปเปิ้ลได้เลิกใช้ระบบ Google Maps ไปแล้ว โดยหันมาพัฒนาระบบแผนที่เอง ซึ่งตัวแผนที่ใช้ระบบของ TomTom ผู้ผลิตอุปกรณ์ GPS ชื่อดัง โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่สามารถสู้กับ Google Maps ที่ทำมาหลายปีแล้วได้ สิ่งที่จะขาดหายไปคือแสดงเกี่ยวกับการจราจรในกรุงเทพ (Traffic) และภาพแบบ Street View ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของ Google
ทั้งนี้แผนที่ใน iOS 6 ถ้าดูจากเว็บแอปเปิ้ลที่มีทั้งแผนที่แบบ 3D, สามารถใช้นำทางแบบ Turn by Turn ได้เหมือน GPS พวกนี้ยังไม่สามารถใช้งานในไทยได้ครับ โดยแผนที่ใน iOS 6 กับประเทศไทยสามารถใช้งานได้แค่เรื่องพื้นฐานเท่านั้น เช่นการค้นหาสถานที่ต่าง ๆ
iTunes Store และ App Store โฉมใหม่
สำหรับ iTunes Store และ App Store มีการปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่ การใช้งานเราต้องทำความคุ้นเคยกันใหม่เล็กน้อย เช่นการพรีวิวฟังเพลงที่ก่อนหน้านี้เวลาเรากดฟังแล้วก็ต้องอยู่หน้านั้นตลอดจนกว่าเพลงนั้นจะจบ พอเป็น iTunes Store โฉมใน iOS 6 มีการปรับใหม่ให้สามารถฟังได้ตลอดแม้ว่าเราจะกดเปลี่ยนหน้าไปมาหรือแม้กระทั่งการกดออกมาจาก iTunes Store แล้วเพลงที่เรากดฟังก็ยังเล่นอยู่ จนกว่าเพลงนั้นจะจบเองหรือเราเป็นคนกดหยุดเพลงเอง
App Store ก็มีการปรับปรุงโฉมด้วยเช่นกัน โดยหน้าตาตอนพรีวิวแอพฯจะเปลี่ยนไป และเวลาค้นหาก็จะมีการแสดงแอพฯขึ้นมาในรูปแบบใหม่ด้วย และจากเดิมที่เวลากดดาวน์โหลดแอพฯแค่แอพเดียวก็เด้งออกมาหน้าจอหลักแล้ว ซึ่งหลายคนยังกดซื้อกดดาวน์โหลดแอพฯที่ต้องการไม่ครบเสียเวลาเข้าไปโหลดทีละแอพ ตอนนี้ใน iOS 6 เวลากดดาวน์โหลดแอพฯจะไม่เด้งกลับหน้าหลัก แต่จะแสดงสถานะแถบดาวน์โหลดสีฟ้า ๆ ตรงหน้านั้นใหเราได้รู้เลย ส่วนถ้าดาวน์โหลดแอพฯมาเยอะกลัวงงว่าแอพฯไหนเราเพิ่งดาวน์โหลดมาใหม่ก็ไม่ต้องกังวล เพราะใน iOS 6 แอพฯไหนที่เพิ่งถูกดาวน์โหลดมาใหม่จะมีแถบคาดไว้ว่า New ให้ได้เห็น
ส่วนอื่น ๆ ใน iTunes Store และ App Store ที่เพิ่งมีเข้ามาถือสามารถกดแชร์ลิงค์เพลงที่เราสนใจหรือแอพที่เราชอบไปยัง Twitter , Facebook เพื่อให้เพื่อนรู้ได้ง่ายขึ้นด้วย
ตัดแอพฯ YouTube
สำหรับ Youtube ก็เป็นแอพฯที่ถูกแอปเปิ้ลถอดออกพร้อม ๆ กับแผนที่ โดยตอนนี้เครื่องที่ใช้ iOS 6 สามาถเข้าไปดาวน์โหลดแอพฯ YouTube ที่ Google เพิ่งปล่อยออกมาเองเมื่ออาทิตย์ก่อนมาติดตั้งในเครื่อง ซึ่งตรงจุดนี้ก็ไม่มีอะไรต่างจากเดิม แถมตัวแอพฯ YouTube ที่ Google ทำออกมาให้ใช้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย
Passbook
สำหรับ Passbook ถือเป็นแอพฯที่มีข้อมูลน้อยที่สุดในบรรดาสิ่งที่ปรับปรุงและเพิ่มเข้ามาใหม่ใน iOS 6 โดยแอพฯ Passbook จะเป็นแอพฯที่เกี่ยวข้องกับเรื่องตั๋ว, คูปองส่วนลด แนว ๆ นี้ เช่นร้านค้าแจกบัตรส่วนลดในการซื้อของ Passbook หรืออย่างสายการบินทำระบบเวลาเราจะเข้าไปเช็คอินให้ผูกกับ Passbook ซึ่งบนหน้าจอก็จะมีเป็น Boarding Pass ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ ซึ่งถ้าสายการบินหรือสนามบินไหนสามารถใช้งาน Passbook ได้เต็มระบบก็จะสามารถบอกทั้งเวลาแบบเรียลไทม์ว่าเครื่องจะออกกี่มองและทิศทางของที่เราจะต้องเดินไปขึ้นเครื่องได้ด้วย
ทั้งนี้ในไทยมีสายการบิน Nok Air ได้ประกาศออกมาแล้วว่าจะรองรับการใช้งานระบบ Passbook ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งก็ต้องต้องมาดูกันว่า Nok Air จะลงทุนทำเต็มระบบของ Passbook หรือไม่
โดยระบบต่าง ๆ ของ Passbook จะอิงการอ่านบาร์โค้ดในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่น่าจับตาว่าจะมีบริษัทห้างร้านทั้งเล็กทั้งใหญ่ในไทยสนใจจะทำอะไรเกี่ยวกับ Passbook บ้างหรือไม่
Safari ปรับปรุงใหม่
สำหรับ Safari ใน iOS 6 ถือเป็นสิ่งที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นหลายอย่างเลยครับ โดยใน iPhone เวลาเราเล่นเว็บในแนวนอนจะมีปุ่มปุ่มลูกศรอยู่มุมล่างขวาปรากฏขึ้นมา ซึ่งปุ่มนี้คือการแสดงผลหน้าเว็บแบบเต็มจอโดยที่ไม่มีเมนูต่าง ๆ มาบังด้านบนและด้านล่าง
เพิ่ม iCloud Tabs ที่สามารถซิงค์ข้อมูลหน้าเว็บที่เราเปิดอยู่บน Safari ใน iOS 6 หรือหน้าเว็บที่เปิดบน Safari 6.0 ใน OS X 10.8 เข้าหากันได้ เช่นบนเครื่อง Mac เราเปิดดูเว็บค้างไว้ พอจะออกนอกบ้านจากเดิมที่เราอาจจะต้องตั้งค่าให้หน้าเว็บนั้นเป็น Bookmark ไว้ ตอนนี้ก็กลายเป็นว่าไม่ต้องทำอะไรรอให้ข้อมูลซิงค์หากันแล้วเราก็ไปเลือกเปิดหน้าเว็บที่เราอ่านค้างไว้จากเมนู iCloud Tab บน iPhone หรือ iPad ได้เลย ทั้งนี้การจะทำแบบนี้ได้คุณผู้อ่านต้องใช้บริการ iCloud ด้วยนะครับ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่กว่าจะทำได้ก็มาแล้วครับ นั้นคือความสามารถในการอัพโหลดรูปภาพจาก Safari ได้เลยทันที โดยการอัพโหลดรูปภาพเข้าไปในเว็บต่าง ๆ ก่อนหน้านี้เราไม่สามารถทำได้จาก Safari แต่ตอนนี้ใน iOS 6 เวลาเราเข้าเว็บบอร์ดแล้วกำลังพิมพ์ตอบกระทู้อย่างเมามันอยากจะเพิ่มรูปแทรกเข้าไปด้วยก็สามารถกดอัพโหลดรูปได้เลยจาก Safari หรือเว็บไซท์ฝากรูปเจ้าประจำก็สามารถกดอัพโหลดรูปจาก Safari ได้เลยเช่นกัน
Siri
แม้ Siri จะมีการอัพเดทให้รองรับภาษาต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น รายงานผลกีฬาดัง ๆ ได้ แต่ก็ยังไม่มีภาษาไทยและยังไม่รู้จักประเทศไทยอยู่ดี เลยดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าไหร่ ส่วนอื่น ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามาใน Siri ก็อย่างเช่นสั่งให้เปิดแอพฯต่าง ๆ ในเครื่อง สั่งให้ทวีตข้อความ สั่งให้อัพเดทสเตตัสใน facebook ส่วนเรื่องง่าย ๆ อย่างสั่งให้เปิด-ปิด Bluetooth หรือ Wi-Fi ยังทำไม่ได้
แต่ส่วนที่เป็นข่าวดีก็มีเหมือนกันเพราะ Siri สามารถใช้งานบน iPad (3rd Gen) ได้ด้วย โดย Siri ใน iOS 6 รองรับภาษาใหม่ ๆ เข้ามาด้วยเช่นภาษาจีน, ภาษาสเปน และภาษาเกาหลี
คียบอร์ดไทย 4 แถว
เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมากที่สุดตั้งแต่ออก iOS 6 beta ว่าการปรับคีย์บอร์ดภาษาไทยจากเดิม 3 แถวเป็น 4 แถวเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี แต่กระนั้นใครอัพ iOS 6 ก็ไม่มีทางเลือกกลับไปใช้คีย์บอร์ดแบบ 3 แถวแล้วนะครับ เพราะ iOS 6 มีให้เลือกแค่คีย์บอร์ด 4 แถวเพียงอย่างเดียว
เท่าที่ได้ใช้มาในช่วงที่เป็น iOS 6 beta จนถึงปัจจุบันที่ไม่ชอบในคียบอร์ด 4 แถวคงเป็นแค่เรื่องปุ่มแต่ละตัวอักษรหดเล็กลงไปจากเดิมเล็กน้อยเพื่อให้สามารถวางปุ่มตัวอักษรต่าง ๆ ได้เหมือนแป้นพิมพ์ปกติที่สุด ตรงจุดนี้ถ้าเป็นคนที่นิ้วใหญ่ก็คงมีกดพลาดกันบ้าง ข้อดีของคีย์บอร์ดไทยแบบ 4 แถวคือถ้าเป็นคนที่คุ้นกับการพิมพ์สัมผัสก็จะสามารถมองหาปุ่มต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
ส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคีย์บอร์ดไทยบน iPad ก็ได้เพิ่มให้สามารถแยกคีย์บอดซ้ายขวาในขณะอยู่ในโหมดคีย์บอร์ดภาษาไทยได้เลย โดยไม่ต้องสลับไปภาษาอังกฤษแล้วค่อยแยกแล้วก็ค่อยเปลี่ยนมาเป็นคีย์บอร์ดภาษาไทย ใครที่ใช้ใช้คีย์บอร์ดแบบแยกข้างซ้าย-ขวาบ่อย ๆ คงชอบ
นอกจากนี้ใน iOS 6 ไอคอน Emoji ได้เพิ่มแบบเข้ามาให้เลือกอีกมากมายนับรวม ๆ มีประมาณ 500 แบบเห็นจะได้
Share Photo Stream
เป็นฟีเจอร์ที่ต่อยอดจาก Photo Stream ที่หลายคนไม่ได้เปิดใช้เลย โดย Share Photo Stream หลัก ๆ ก็จะเป็นการแชร์รูปของเราให้เพื่อนดูผ่านทาง Photo Stream ซึ่งต้นทางและปลายทางก็ต้องเปิดใช้ iCloud และ Photo Stream ทั้งคู่
Mail – VIP Box
ฟีเจอร์ Mail VIP ช่วยให้ผู้ใช้งานไม่พลาดอีเมลจากคนสำคัญ ซึ่งฟีเจอร์นี้ จะทำการไฮไลท์อีเมลจากคนที่เราตั้งค่าไว้ให้เป็น VIP หรือติดดาวอีเมลสำคัญ ๆ นั่นเองและนอกจากนี้ยังแนบรูปภาพ, วิดีโอจากในแอพฯ Mail ได้แล้ว
Guided Access
Guided Access ฟีเจอร์ที่ใช้สำหรับควบคุมการใช้หน้าจอเฉพาะบางจุด โดยสามารถกำหนดได้ว่าต้องการให้หน้าจอส่วนไหนบนไอโฟนหรือไอแพดใช้งานได้บ้าง
ทั้งหมดนี้คือฟีเจอร์การทำงานเด่น ๆ ที่มาพร้อมกับ iOS 6 ซึ่งขณะนี้ทางแอปเปิลได้ปล่อย iOS 6 ให้กับผู้ใช้งานทั่วโลกได้อัพเดทกันแล้วฟรี ๆ โดยสามารถอัพเดทได้ผ่านตัวเครื่องแบบ OTA (วิธีการอัพเดทเฟิร์มแวร์ iOS แบบ OTA) หรืออัพเดทผ่าน iTunes ก็ได้ ส่วนรุ่นที่สามารถอัพเดทเป็น iOS 6 ได้คือ iPhone 3GS, iPhone 4, iPhone 4S, iPad 2, New iPad และ iPod touch gen 4 สำหรับใครที่ใช้ iPad 1 (รุ่นแรก) ไม่สามารถอัพเดทเป็น iOS 6 ได้